แปลเพลง Watsky - Tiny Glowing Screens Part 1-3

ย้อนกลับไปเมื่อปีที่แล้ว ก่อนที่แอดจะสร้างเพจขึ้นมา ใครที่ติดตามตั้งแต่สมัย google+ จะรู้ว่าแอดแปลเพลงถี่มาก จนกระทั่งมาถึงช่วงที่ต้องหยุดทำยาวๆ ก็เลยทิ้งรีเควสต์ไปหลายตัวเลย ดังนั้นในช่วงนี้ แอดจะขอสะสางรีเควสต์เก่าๆที่ทุกคนขอมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ไม่ได้ลืม และไม่เคยลืม จังหวะชีวิตไม่ลงตัวมากๆเลยตอนนั้น สัญญาว่าจะแปลให้หมดทุกตัวที่รีเควสต์มาตอนนั้น

Tiny Glowing Screens เป็นเพลงที่มีถูกขอมาแค่ Part 1 แต่แอดตั้งใจว่าจะแปลทั้งสามภาครวดไปเลย ซึ่งนับเป็น "หนึ่งในแปลเพลงที่ยาวที่สุดตั้งแต่เคยทำมา" และสาเหตุหลักที่ทำให้แปลได้ล่าช้าขนาดนี้ นอกจากจะยาวเป็นหางว่าวแล้ว เหตุผลหลักๆในตอนนั้นก็คือ "ภาษาไม่ถึงจริงๆ" ครับ 5555+

เวลาผ่านไป 1 ปีจนในที่สุด ก็แปลเพลงนี้เสร็จจนได้!!!!! แต่คอนนี้อธิบายเพลงไม่ไหว จ้องจอนานๆจนน้ำตาคลอเบ้าแล้วตอนนี้ งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยมาทำต่อ

------------------------------------------------------
Watsky - Tiny Glowing Screens Part 1
--------------------------------------------


[Chorus]

And when the sun burns out
We’ll light the world with tiny glowing screens
Tiny glowing screens, glowing screens
And when the sun burns out
We’ll light the world with tiny glowing screens
Tiny glowing screens

และเมื่อไหร่ก็ตามที่ดวงอาทิตย์มอดไหม้
เราจะส่องสวางให้กับโลกใบนี้เอง ด้วยจอเรืองแสงเล็กๆนี้
ด้วยจอเรืองแสงเล็กๆนี้ x2

[Verse 1]
I’ve seen a person go to shows and raise a lighter app
But if you’re at my concert please don’t ever try that crap
Let’s set fire to the heavens
Turn the motherfucking speakers to 11, this is Spinal Tap
The future might defeat me, the internet can eat me
It really tastes like chicken when I bite the hand that feeds me
And I say me me, me me, play my CD, CD
Yes indeedy deedy
We be greedy and it’s tragic that we yawn
We got every gadget but don’t care there’s magic in our palm
‘Cause it’s been getting so hot, I can feel the slow rot
But let’s not die before we get to fuck a robot
Because we all need something to live for, something to live for, something to live for
We all need something to live for, something to live for

ฉันมักจะเห็นคนที่มางานคอนเสิร์ต ยกมือถือขึ้นมาส่องสว่าง
แต่อย่ามาถ่ายคลิปในงานคอนเสิร์ตฉันนะเว้ย
มาสนุกให้ถึงสวรรค์กันดีกว่า
เร่งเสียงลำโพงให้ดังขึ้น 11 ระดับไปเลย เพราะฉันคือ Spinal Tap
ถึงแม้อนาคตอาจจะทำลายฉันได้ และโลกอินเตอร์เน็ตอาจจะเขมือบฉัน
แต่ฉันจะเป็นคนที่เขมือบพวกมันก่อน รสชาติเหมือนเนื้อไก่ดีนะ
เล่นซีดีฉันสิ เล่นซีดีฉันสิ
ของมันแน่อยู่แล้ว เพราะยังไงนายก็ต้องเปิดอยู่ดี
พวกเราต่างก็ละโมบทั้งนั้น แต่ที่แย่ก็คือ ทำแบบนั้นมันน่าเบื่อสุดๆเลย
เรามีเครื่องมือเทตโนโลยีมากมาย แต่ใครสนล่ะ ในเมื่อมีเวทมนต์ในมือกันแล้ว
โลกเราเริ่มจะร้อนเข้าไปทุกทีแล้ว ฉันรู้สึกกำลังเน่าอย่างช้าๆ
อย่าเพิ่งตายกันนะทุกคน พวกเรายังไม่ได้เยิ้บหุ่นยนต์กันเลย (.......)
เพราะทุกคนก็ต้องมีบางสิ่งที่เราอยู่เพื่อมัน อยู่เพื่อมัน
เราต่างก็ต้องมีบางสิ่งที่เราอยู่เพื่อมัน อยู่เพื่อมัน

[Chorus]
And when the sun burns out
We’ll light the world with tiny glowing screens
Tiny glowing screens, glowing screens
And when the sun burns out
We’ll light the world with tiny glowing screens
Tiny glowing screens

และเมื่อไหร่ก็ตามที่ดวงอาทิตย์มอดไหม้
เราจะส่องสวางให้กับโลกใบนี้เอง ด้วยจอเรืองแสงเล็กๆนี้
ด้วยจอเรืองแสงเล็กๆนี้ x2

[Verse 2]
There was a time before the pot really got strong
Before the hippies got jobs talking long, long
Before the people talked in English out in Hong Kong
Before the holy Dalai Lama had a dot com
Before God’s dad got it on with God’s mom
Before he made us pretty things on which to drop bombs
Before the war crimes
The rich and poor times
I’m talking in the land before The Land Before Time
But then the planet lost its baby fat and got crazy
And we’ve been acting like some fraidycats a lot lately
Something’ll kill us like cigarettes or the commies maybe
Or maybe AIDS or scabies, rabies or zombie babies
Even the KGB, pray we be free from ADD, wade in and bathe in Hades
No army or Navy’s saving me
And I can’t tell our little victories from epic fails
It’s either heaven or hell and I can’t make heads or tails

มีช่วงเวลาหนึ่งที่คนนิยมสูบกัญชากัน
ก่อนที่พวกฮิปปี้จะเป็นเรื่องที่คนพูดกันยาวนาน
ก่อนที่ประชากรจะพูดภาษาอังกฤษที่ฮ่องกง
ก่อนที่องค์ดาไลลามะจะมีเว็บไซต์
ก่อนที่พ่อของพระเจ้าจะได้กับแม่ของพระเจ้า
ก่อนที่พระเจ้าจะทำให้เราทำเรื่องน่ารักน่าชัง อย่างการทิ้งระเบิด
ก่อนที่บ้านเราจะมีสงคราม
มีทั้งคนรวยและคนจน
ฉันพูดเรื่องนี้ก่อนที่ไดโนเสาร์จะเกิดซะอีก
จากนั้นดาวดวงนี้ก็มีแต่คนที่เสียไขมันตอนยังทารก แล้วเป็นบ้าไปกันหมด
ทำตัวกร่างเหมือนปลาใหญ่กินปลาเล็กกันบ่อย
และท้ายที่สุด บางสิ่งจะฆ่าพวกเราเหมือนพิษบุหรี่หรือไม่ก็พวกคอมมิวนิสต์
หรือไม่ก็เอดส์ โรคเรื้อน โรคกลัวน้ำ หรือเด็กซอมบี้
หรือแม้แต่คณะกรรมการความมั่นคงสหภาพโซเวียตยังต้องขอให้ตัวเองรอดจากโรคสมาธิสั้น ลุยแม่น้ำฮาเดสจนตัวเปียก
ไม่มีทหารหน้าไหนช่วยฉันได้
และไม่อาจจะเล่าเรื่องชัยชนะที่เกิดจากความผิดพลาดให้ใครฟังได้เลย
เหมือนนรกกับสวรรค์อยู่ที่เดียวกัน ฉันคงเลือกเส้นทางไหนไม่ได้แล้ว

[Bridge]
Are we useless?
No excuses
We took the peace sign, reduced it to deuces
Are we useless?
No excuses
We took the peace sign, reduced it to deuces
We took the peace sign, reduced it to deuces
So raise your peace sign, if you’re not useless
Raise your peace sign, no excuses
We took the peace sign, reduced it to deuces

พวกเราต่างไร้ค่ากันใช่มั้ย?
ไม่มีอะไรแก้ตัว
เราแสดงสัญลักษณ์เพื่อสันติภาพ ด้วยนิ้วทั้งสอง
พวกเราต่างไร้ค่ากันใช่มั้ย?
ไม่มีอะไรแก้ตัว
เราแสดงสัญลักษณ์เพื่อสันติภาพ ด้วยนิ้วทั้งสอง
เราแสดงสัญลักษณ์เพื่อสันติภาพ ด้วยนิ้วทั้งสอง
เรามาแสดงสัญลักษณ์เพื่อสันติภาพกันดีกว่า ถ้าไม่ได้ไร้ค่า
ชูนิ้วทั้งสองขึ้นมา ไม่ต้องใช้ข้อแก้ตัว
เราแสดงสัญลักษณ์เพื่อสันติภาพ ด้วยนิ้วทั้งสอง

[Chorus]
And when the sun burns out
We’ll light the world with tiny glowing screens
Tiny glowing screens, glowing screens
And when the sun burns out
We’ll light the world with tiny glowing screens
Tiny glowing screens

และเมื่อไหร่ก็ตามที่ดวงอาทิตย์มอดไหม้
เราจะส่องสวางให้กับโลกใบนี้เอง ด้วยจอเรืองแสงเล็กๆนี้
ด้วยจอเรืองแสงเล็กๆนี้ x2

------------------------------------------------------
Watsky - Tiny Glowing Screens Part 2
--------------------------------------------


[Verse]
There’s 7 billion 46 million people on the planet
And most of us have the audacity to think we matter
Hey, you hear the one about the comedian who croaked?
Someone stabbed him in the heart, just a little poke
But he keeled over ‘cause he went into battle wearing chain mail made of jokes
Hey, you hear the one about the screenwriter who passed away?
He was giving elevator pitches and the elevator got stuck halfway
He ended up eating smushed sandwiches they pushed through a crack in the door
And repeating the same crappy screenplay idea about talking dogs 'til his last day
Hey, you hear the one about the fisherman who passed?
He didn’t jump off that ledge
He just stepped out into the air and pulled the ground up towards him really fast
Like he was pitching a line and went fishing for concrete
The earth is a drum and he’s hitting it on beat
The reason there’s smog in Los Angeles is ‘cause if we could see the stars
If we could see the context of the universe in which we exist
And we could see how small each one of us is
Against the vastness of what we don’t know
No one would ever audition for a McDonalds commercial again
And then where would we be?
No frozen dinners and no TV
And is that a world we want to text in?
Either someone just microwaved popcorn
Or I hear the sound of a thousand people pulling their heads out of their asses in rapid succession
The people are hunched over in Boston
They’re starting app stores and screen printing companies in San Francisco
They’re grinning in Los Angeles like they’ve got fishhooks in the corners of their mouth
But don’t paint me like the good guy ‘cause every time I write
I get to choose the angle that you view me and select the nicest light
You wouldn’t respect me if you heard the typewriter chatter tap tap
Tapping through my mind at night
The same stupid tape loop of old sitcom dialogue
And tattered memories of a girl I got to grind on in high school
Filed carefully on rice paper
My heart is a colored pencil
But my brain is an eraser
I don’t want a real girl, I want to trace her from a catalogue
Truth be told I’m unlikely to hold you down
Cause my soul is a crowded subway train
And people keep deciding to get on the next one that rolls through town
I’m joining a false movement in San Francisco
I’m frowning and hunched over in Boston
I’m smiling in Los Angeles like I’ve got fishhooks in the corners of my mouth
And I’m celebrating on weekends
Because there are 7 billion 47 million people on the planet
And I have the audacity to think I matter
I know it’s a lie but I prefer it to the alternative
Because I’ve got a tourniquet tied at my elbow / I’ve got
A blunt wrap filled with compliments and I’m burnin it
You say to go to sleep but I been bouncing off my bedroom walls since I was hecka small
We’re every age at once and tucked inside ourselves like Russian nesting dolls
My mother is an 8 year old girl
My grandson is a 74 year old retiree whose kidneys just failed
And that’s the glue between me and you
That’s the screws and nails
We live in a house made of each other
And if that sounds strange that’s because it is
Someone please freeze time so I can run around turning everyone’s pockets inside out
And remember...
You didn’t see shit

ในโลกของเราที่มีประชากร 7,046,000,000 คน
ทุกคนล้วนคิดว่าตัวเองสำคัญ
เฮ้ พวกนายเคยเห็นนักแสดงตลกเสียชีวิตกันมั้ย
เขาโดนใครคนหนึ่งแทงไปที่หัวใจ เพียงแค่กระทุ้งเพียงเล็กน้อย ก็ล้มลงไปแล้ว
เพราะงี้ไง เขาจึงใช้มุกตลกเป็นเกราะกำบัง
แล้วนายเคยได้ยินเรื่องคนเขียนบทที่ตายไปรึเปล่า
เขาพยายามที่จะเขียนบทให้โดนใจคน แล้วก็ต้องมาคิดไม่ออกกลางทาง
สุดท้าย ชีวิตของเขาก็จบลงด้วยการกินแซนด์วิช ที่มีคนส่งผ่านมาทางรอยแตกของประตู
และหยิบบท หมาพูดได้ มาพูดซ้ำไปซ้ำมา จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต
เฮ้!!! แล้วนายเคยได้ยินเรื่องนักตกปลาที่ตายไปแล้วรึเปล่า
เขาไม่ได้โดดตึกลงมาหรอกนะ
ก็แค่ดึงพึ้นดินให้มาอยู่ใกล้ตัวเขา เร็วกว่าคนอื่นๆเท่านั้นเอง
เหมือนเหวี่ยงเบ็ดตกปลา เพื่อให้ตกได้พื้นคอนกรีต แทนที่จะเป็นปลา
เหมือนโลกใบนี้เป็นกลองใบหนึ่ง เขาก็กระแทกพื้นลงมือ เพื่อสร้างจังหวะเพลง
ที่ลอส แองเจลลิสมีแต่หมอก ก็เพราะถ้าเราได้เห็นหมู่ดาว
ถ้าเราเห็นสิ่งต่างๆในจักรวาลที่มีเราอยู่ในนั้น
จะเห็นได้ว่า เราดูตัวเล็กแค่ไหน
ตรงข้ามกับความกว้างใหญ่สิ่งที่เราไม่รู้
ไม่มีใครกล้าไปออดิชั่นกับโฆษณา McDonald อีกเลย
แล้วเราจะไปไหนกันได้
ถ้าโลกใบนี้ไม่มีอาหารแช่แข็งและโทรทัศน์
และนี่คือโลกของเรา ที่มีคนชอบส่งข้อความหากันใช่มั้ย
ไม่ก็ใส่ป๊อบคอร์นลงไปในไมโครเวฟ
ฉันได้ยินเสียงคนนับพันกำลังดึงหัวออกจากก้นคนอื่นอย่างต่อเนื่อง
ผู้คนในบอสตัน ต่างเดินก้มหน้า
ผู้คนในซานฟรานซิสโก กำลังเริ่มต้นธุรกิจโรงพิมพ์และแอพพลิเคชั่นในมือถือ
และผู้คนในลอสแองเจลลิส ก็ฉีกยิ้มราวกับว่าโดนเบ็ดเกี่ยวเข้าที่ปาก
แต่ทุกคน!!! อย่าคิดว่าฉันเป็นคนดีนักเลย เพราะทุกครั้งที่ฉันเขียนเพลง
ฉันเขียนขึ้นมาจากมุมมองของพวกนายที่มีกับฉัน แต่เลือกเฉพาะสิ่งทีดีต่อใจไง
ดังนั้น ไม่ต้องชอบฉันขนาดนั้นก็ได้
มันก็เหมือนเครื่องพิมพ์ดีดที่อยากเขียนอะไรก็เขียนนั่นแหละ มันแก้ไม่ได้หรอก
มันกลั่นมาจากความคิดในเวลาค่ำคืน
เหมือนกับบทละครซิตคอมโง่ๆ ที่วนเทปเดิมซ้ำไปซ้ำมา
ฉันสลักความทรงจำเอาไว้ ถึงสาวคนนั้นที่ฉันเคยตามจีบในสมัยเรียน
ค่อยๆบรรจงใส่มันลงไปในแผ่นเกี๊ยว
หัวใจของฉัน ก็เหมือนกับดินสอสี
แต่สมองฉัน มันเหมือนกับยางลบ
ฉันไม่ต้องการเธอตัวเป็นๆ ขอแค่ตามเธอเอาจากแคตตาล็อกพอ
พูดตามความจริงเลยนะ ฉันจะไม่ทำให้เธอผิดหวังเด็ดขาด
เพราะตัวฉัน ก็เหมือนกับรถไฟที่แน่นไปด้วยผู้คน
ที่พวกเขาเอง ต่างตัดสินใจขึ้นรถไฟต่อไปอีกคัน เพื่อไปถึงที่หมายของเขา
ฉันกลับไปทำในสิ่งที่ตัดสินใจผิดพลาด ที่ซานฟรานซิสโก้
กลับไปเดินก้มหน้าแบบเซ็งๆในบอสตัน
และกลับไปยิ้มเหมือนโดนเบ็ดเกี่ยวปากที่ลอสแองเจลลิส
แล้วจากนั้นก็ฉลองให้กับตัวเองในสุดสัปดาห์
เพราะในโลกของเราที่มีประชากร 7,046,000,000 คน
ทุกคนก็ล้วนคิดว่าตัวเองสำคัญทั้งนั้นแหละ
ฉันรู้ตัว...ว่ากำลังโกหก แต่ยังไงฉันก็ขอเลือกทางเดิมนั่นแหละ
มันก็เหมือนเอาสายรัดข้อศอกเอาไว้ เพื่อฉีดเฮโรอีนเข้ากระแสเลือด
แล้วก็ดูดกัญชาที่มีไส้ในเป็นคำชื่นชม
ขณะที่นายกำลังจะไปหลับ ฉันได้แต่เอาตัวกระแทกผนังห้อง
เมื่อได้รู้ว่า ตัวเองนั้นช่างเล็กซะเหลือเกิน
ทุกช่วงอายุของเรา ยังคงซ่อนตัวตนของเราเอาไว้ข้างใน เหมือนตุ๊กตารัสเซีย
แม่ของฉันก็เป็นเด็ก 8 ขวบได้
และหลานชายของฉัน ก็เป็นคนแก่เกษียร อายุ 74 ปี ที่เป็นโรคไตวายได้เหมือนกัน
ตรงนั้นแหละ คือกาวที่เชื่อมต่อระหว่างเรากันอยู่ เราล้วนไม่ต่างกัน
เหนียวแน่นเหมือนตะปูตอกกับตะปูควง
เราต่างก็อยู่บ้านที่ไม่ได้เป็นคนสร้างเองเหมือนกัน
ถ้ามันจะฟังดูแปลกจริงๆ 5555+ ก็เพราะว่ามันแปลกนั่นแหละ
ใครก็ได้ช่วยหยุดเวลาที ฉันจะได้พลิกกระเป๋าเงินของนายเป็นอีกด้าน
และจำเอาไว้
นายจะไม่มีทางได้เห็นเลยว่า ฉันทำอะไรลงไป

------------------------------------------------------
Watsky - Tiny Glowing Screens Part 3
--------------------------------------------


[Intro]
Nothing matters, so it doesn't matter if nothing matters
And while you be, be true
And if you won't, fuck you
Burn your clothes
Open the wine
Close your eyes
Freeze time

ไม่มีอะไรสำคัญอยู่แล้ว ดังนั้นมันไม่สำคัญหรอก ถ้าไม่มีอะไรสำคัญจริงๆ
และถ้ามันสำคัญจริงๆ ก็ขอให้มันจริงเถอะ
แต่ถ้าไม่ล่ะก็ ก็ขอให้แกไปตายซะ
เผาเสื้อแกซะ
เปิดจุกไวน์ซะ
หลับตาลง
หยุดเวลานั้นไว้

[Verse 1: Watsky]
You’re officially welcome to grab your crotches
Synchronize your watches and pour us a couple scotches
People still as statues can’t catch you, turn pockets empty
If they’re packed with plenty move some to ones lacking any
While I take a crack at hacking the bank to jack em to cover high debts
You’re screening floating bullets with a butterfly net, if there’s any screaming
Pause it and cut out the sound, deposit the slugs underground
I’m positive that we don’t fuck around
No we go scooping up the diesel that’s leaking a sinking tanker
Forever stuck at anchor like beetles get stuck in amber
Halted like the thaw of the iceberg that shoulda sank her
Halted right beside the temperature spike and the spread of cancer
And all my peoples’ engagements and babies my friends are making
We quit getting lamer, days quit getting later, life quits being labor, quick—
You should come through to our party, dude bring your crew bring an army
Youth is inside of the heart, the future can never harm me
We’re never tardy (freeze, freeze, freeze)
Late or early don’t worry we’ll wait cause we’re in no hurry to see those pearly gates
I sit outside and watch the pigeon shit and tiny airplanes hanging in the sky and then I
Hit a McCartney show and trip off how his arm is superglued to his guitar and then I
Enjoy the lovely view and stand there for a month or two, my headphones looping Love Me Do on repeat
Paul might not die if we try to wall off this diorama, we’ll buy all the time we want and then spend it all to

นายยอมให้ฉันจับไข่อย่างเป็นทางการได้ เพราะงั้น...
ฉันจะเปลี่ยนเวลาบนนาฬิกาข้อมือของเราให้ตรงกัน แล้วก็ดื่มเหล้าสก็อตด้วยกัน
ผู้คนยังเป็นเหมือนรูปปั้น ที่ไล่จับคุณไม่ได้
พยายามทำทุกวิถีทาง เพื่อจะเล่นงานคนที่อ่อนแอกว่า
ในขณะที่ฉันกำลังแฮ็คธนาคาร เพื่อเอาเงินไปใช้หนี้จำนวนมหาศาล
ฉันจะใช้ตาข่ายจับกระสุนที่จะลอยเข้าหา ถ้าฉันได้ยินเสียงกรีดร้อง
หยุดการเคลื่อนไหวของกระสุนปืน แม้กระทั่งเสียง แล้วฝังกระสุนลงพื้นไป
ฉันมองโลกในแง่ดีเกินกว่าที่จะไปหาเรื่องใคร
ไม่ เราจะรองเอาน้ำมันดีเซลที่รั่วออกมาจากถังนั้่น
และจะติดแหง่กอยู่กับสมอเรือไปตลอด เหมือนฝูงด้วงที่ติดแหง่กอยู่กับอำพัน
หยุดทุกสิ่งเหมือนตอนภูเขาน้ำแข็งละลาย และจมเธอลงไป
หยุดแม้กระทั่งสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง และการระบาดของโรคมะเร็ง
นายน่าจะมางานปาร์ตี้พวกเรานะ พาเพื่อนมาด้วยก็ได้
ในเมื่อความหนุ่มสาวยังคงอยู่ในใจเรา อนาคตก็ทำลายเราไม่ได้
เราไม่เคยมามัวเฉื่อยชาอยู่แล้ว (แช่แข็งเวลาเอาไว้)
ไม่ว่าสายหรือเร็วไป อย่าได้กังวลเลย เราจะรอต่อไป เพราะเราไม่ได้รีบขนาดนั้นที่จะได้เห็นประตูไข่มุกอยู่ตรงหน้า
ฉันออกไปนอกบ้าน นั่งมองนกพิราบขี้ นั่งมองเครื่องบินที่อยู่บ้านฟ้า
ก่อนที่ฉันจะไปงานคอนเสิร์ต Paul McCartney แล้วจินตนาการว่าแขนของเขา ติดหนึบกับกีต้าร์
จากนั้นก็เพลิดเพลินกับวิวสวยๆ ขณะฟังเพลง Love Me Do ผ่านหูฟังวนไป
Paul อาจจะไม่ตาย ถ้าเราช่วยกันทำภาพสามมิติขึ้นมา ดังนั้น เราจะซื้อเวลาทั้งหมด เท่าที่เราต้องการ แล้วก็ใช้กันให้คุ้มซะ

Move this crowd—to join as converts to the church of blessed concerts and then conjure up some conversation
Yes, I’m proud—my country is my heart and so in every combination we all rep a common nation
That is how—I know that all we lepers and we shepherds join together now in holy congregation, everybody
Stop right now!

พาแฟนคลับหน้าใหม่ไปที่โบสถ์แห่งคอนเสิร์ต จากนั้นฉันก็คิดสิ่งที่จะพูดขึ้นมา
ใช่แล้ว ฉันภูมิใจสุดๆ ประเทศนี้คือหัวใจสำคัญของเราจริงๆ ดังนั้นเมื่อเรามารวมตัวกัน เราต่างก็ได้ประกาศศักดาบ้านเกิดของเรา ให้ทั้งโลกได้รู้
นั่นทำให้ฉันได้รู้ว่า ทุกคนต่างก็เป็นโรคเรื้อนเหมือนกัน และตอนนี้ พวกเราคนเลี้ยงแกะก็เข้าร่วมพิธีศักดิ์สิทธิ์นี้ด้วยกันทุกคน
หยุดก่อน!!!

[Bridge: Camila Recchio & Watsky]
I want to hear the church bells ring
I want to see the fog roll in
I don’t mind the muddy water
I don’t mind the ocean wind
Show me I’m alive right now
Even if you gotta prick this skin
Open up your eyes
Open up your eyes
Open up your eyes
Open up your eyes

ฉันอยากได้ยินเสียงระฆังจากโบสถ์
อยากเห็นม่านหมอกค่อยๆคลืบเข้ามา
ฉันไม่สนว่าจะมีน้ำโคลน
หรือลมทะเลพัดเข้ามา
ขอแค่ให้ได้รู้ว่า ฉันยังมีชีวิตอยู่
ฉันจึงแทงผิวตัวเอง เพื่อให้รู้ว่าเจ็บ
ลืมตาขึ้นมาสิ
ลืมตาขึ้นมาสิ
ลืมตาขึ้นมาสิ
ลืมตาขึ้นมาสิ

(เสียงระฆังเป็นสัญญาณเตือนว่า พายุจะเข้ามา แต่ถ้าเปรียบกับมนุษย์ มันก็คือความสับสนในใจ -- ในเพลงนี้คนร้องต้องการจะสื่อให้เห็นว่า ไม่ว่าเราจะรู้สึกเจ็บปวดกับอุปสรรคที่ผ่านเข้ามาในชีวิต แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่ทำให้เราได้รู้ว่า เรายังมีชีวิตอยู่ และมันจะต้องดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะตายจริงๆ)

[Verse 2]
Some days I throw my hands up like this shit right here is hopeless
But today I throw my hands up like this shit right here’s the dopest
I’ll never sew my family’s holes up saying hocus pocus
So I focus love on what is whole and chase my magnum opus
There’s so much more life before I leave this skin behind me
Right now I’m feeling finer than Aaliyah in the 90s
Yeah, today I’m feeling firmly like my faith could never burn me
Like I’m apt to move that mountain just by glaring at it sternly
San Francisco used to seem bigger than Jupiter
From the view of an atom the human body's a universe
How impossibly big it be, this symmetry
This brutality, and beauty and synergy
And beyond what we'll live to see, I know nothing can limit me
Just take everything ever and we are that times INFINITY

ในบางวัน ฉันเคยยกมือขึ้นทั้งสองข้าง ด้วยความรู้สึกหมดหวัง
แต่วันนี้ ฉันยกมือขึ้น ราวกับว่าวันนี้เป็นวันที่สุดยอดมากๆ
ฉันไม่เคยใช้เวทมนต์ช่วยเย็บรอยรั่วระหว่างครอบครัว
ดังนั้น ฉันจึงมุ่งเน้นควา่มรักไปที่ทุกสิ่ง ตามหาสุดยอดผลงานของตัวเอง
ฉันยังเหลือเวลาในชีวิตอีกมากก่อนที่จะตาย
ตอนนี้ ฉันรู้สึกดียิ่งกว่า Aaliyah ในยุค 90 ซะอีก
ฉันรู้สึกถึงความมั่นคง ราวกับว่าสิ่งที่ฉันเชื่อ มันเผาฉันไม่ได้
ฉันพร้อมแล้วที่จะย้ายภูเขาทั้งลูก เพียงแค่จ้องมองมันอย่างแข็งกร้าว
ซานฟรานซิสโก บ้านเกิดฉันดูเหมือนจะใหญ่กว่ากว่าดาวพฤหัสแล้วตอนนี้
จากมุมมองของอะตอม ร่างกายของมนุษย์ก็คือจักรวาล
มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะยิ่งใหญ่ได้ขนาดนี้ ทั้งความสมมาตร
และนั่นแหละ นี่เป็นการเชื่อมกันของความสวยงามและโหดร้าย
นอกเหนือจากสิ่งที่เราได้เห็นมัน ฉันรู้ ว่าจะไม่มีอะไรจำกัดฉันได้
ก็เลยทำทุกสิ่งที่เคยทำต่อไป และเราต่างก็เป็นช่วงเวลานั้นเช่นเดียวกัน "ชั่วนิจนิรันดร์กาล"
-----------------------------------------------------------------------


พื้นที่โฆษณา

แปรงฟันก่อนนอนกันด้วยนะจ๊ะเด็กๆ แฮ่!!!
----------------------------------------------------------------------------------------------------------
แปลเพลงแร็ปโพริ่งบอย เปิดเพจบน Facebook แล้วจ้า!!!!!

เนื่องจาก google+ จะปิดตัวในวันที่ 4 เมษายน 2562 (แต่ blogspot ยังอยู่นะ) เราจึงตัดสินใจวาร์ปไป Facebook แทน ใครใคร่สนใจ กดเข้าไปได้เลย ยี้ฮ้า!!!!

https://www.facebook.com/แปลเพลงแร็ปโพริ่งบอย-Rap-Hip-hop-Translate-281180945892591

เอ้อ!!! เพจเราเน้นแปลเพลงเท่านั้นนะ ดังนั้นใครสนใจเพจข่าวฮิปฮอป ดราม่าแร็ปเปอร์ ยังมีเพจเจ๋งๆอีกมาก ที่เขียนได้แน่นกว่าที่นี่ซะอีก เราก็เลยแนะนำให้ไปตามอ่านจากเพจอื่นๆดีกว่า เพราะผมก็ไปตามอ่านพวกเพจนั้นบ่อยๆเหมือนกัน แค่นี้แหละ รักคนอ่าน จุ๊บๆ จาก โพริ่งบอยสุดหล่อ


,

ความคิดเห็น

Sponsor Ads

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

แปลเพลง Lil Mosey - Blueberry Faygo

แปลเพลง XXXTentacion - Moonlight

แปลเพลง XXXTentacion - Changes